รีวิวอนิเมะ Record of Ragnarok สารคดี Ragnarok Season 2 หรือ The Great War of Gods Part 2 ได้ออกอากาศครบทุกตอนแล้ว เป็นบทสรุปที่สวยงามของการต่อสู้ระหว่างคู่ซีโร่ ฟุคุ และศากยมุนี ที่แฝงไปด้วยสาระและข้อคิดในชีวิตของพวกเขาเอง ออกแบบตัวละคร พฤติกรรม อาวุธ เอฟเฟกต์ได้สะดุดตา น่าติดตามเช่นเคย หลังจากที่ล่าสุดปล่อย Hercules VS Jack the Ripper และ Shiva VS Raiden ไปแบบถึงพริกถึงขิง การต่อสู้จะจบลงอย่างไรในตอนจบซีซั่น 2? ผู้อุทิศตนและเฮอร์คิวลิสผู้แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจกำลังเผชิญหน้ากับนักฆ่าแจ็คเดอะริปเปอร์ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ฝีมือและฝีมือคนผสมความสุข แทนที่จะใช้ยุทธวิธีในสงคราม
ถัดมาในคู่เทพศิวะ vs ไรเดน คู่นี้มักจะใช้แรงกายแรงใจ กล้ามโด่งและดีมาก อย่างไรก็ตามการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคู่นั้นค่อนข้างยาวนาน และมีการฟื้นฟูประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในระหว่างการต่อสู้ ใช้เวลาสักครู่เพื่อเสร็จสิ้นคู่ แต่คู่อื่นน่าจะรอภาคสอง เจ็ดเทพ เซโรฟุกุ ปะทะ ศากยมุนี บางตัวมีคนแสดงแล้ว และการต่อสู้เล็กน้อยสามารถบอกได้ว่าคู่นี้เอฟเฟกต์น่าจะน่าประทับใจมาก การปฏิบัติ และการกระทำ ถือว่าทำนอกสุกกว่าฤดูกาลแรก ความหมายของแต่ละคนชัดเจน และมีเอกลักษณ์ด้วยรูปลักษณ์หลอกตา เส้นถูกกำหนดไว้อย่างดีในส่วนต่าง ๆ รวมถึงกล้ามเนื้อของร่างกาย และองค์ประกอบมีเส้นหนา แม้ว่าการต่อสู้บางอย่างจะเร็วไปหน่อย แต่ผลของเลือด อาวุธ หรือพลังที่ใช้ก็สามารถดึงดูดผู้คนได้เช่นกัน
ด้านดนตรีขอยกนิ้วให้ เพราะเรารู้สึกอยากทำสงครามตลอดเวลา เพลงพื้นหลังทำให้เรามีอารมณ์ต่อสู้ ลุ้นกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะในศึกครั้งนี้ กับการเลือกเสียงพากย์ที่เหมาะกับตัวละครอย่าง Jack the Ripper ก็จะมีน้ำเสียงที่มืดมน ลึกลับ น่าตื่นเต้น พร้อมกับอารมณ์ของ Hercules ที่จะเปลี่ยนไปอย่างลงตัว ฟังสำเนียงไทยได้ไพเราะจับใจ ก็ถือว่าคุ้มค่าการรอคอยแม้จะต้องรออีกสองภาคมาถึงคู่สุดท้ายก็ตาม War of the Gods Season 2 การจับคู่ระหว่าง Sakyamuni และ Zerofuku เปิดตาเราสู่รสชาติของความขัดแย้งนองเลือด โดยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Zero Fuku ในฐานะอดีตของคนอื่นๆ ในอดีต โดยที่ Zero Fuku ไม่รู้จักความสุขที่แท้จริง และซึมซับความทุกข์ยากของผู้คนในตัวเองต่อไป ก่อนที่พระองค์จะพบพระศากยมุนี มีสาวกเข้าแถวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขายิ่งทรมานตัวเอง ก่อนที่หนังจะตัดไปที่การต่อสู้ในวินาทีแรกของชัยชนะ การเผชิญหน้าฝ่ายศากยมุนีได้ทักษะการพูดที่ดีและความโกรธเกรี้ยวจน Zero Fuku ถือไม้เด็ดและใช้มันอย่างต่อเนื่อง แสดงผลของภาพอาวุธร้ายแรง ด้วยขวานสีดำและสีแดงล้วนซ่อนความรู้สึกหวาดกลัว เส้นทางบรรพบุรุษของศากยมุนีส่องแสงสีเหลืองทองอย่างภาคภูมิ
มหาศึกคนชนเทพ รีวิวอนิเมะ Record of Ragnarok
รีวิวอนิเมะ Record of Ragnarok นอกจากนี้ยังมีประวัติของสยามุนีในช่วงสงคราม เมื่อไม่เข้าใจความสุขที่แท้จริง แต่เมื่อได้ฟังท่านสนทนากับพี่ชาดก และไปต่อสู้กับชะตากรรมหลังจากเวลาที่ต้องต่อสู้กันทั้งคู่ เราสามารถเห็นได้ว่า Zero Fuku นั้นแน่วแน่เพียงใด มองสิ่งต่างๆ ตรงหน้าด้วยอคติและความเข้าใจผิดที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวด แม้แต่ขวานทุกด้ามก็เปลี่ยนรูปแบบไปมาก จนพระศากยมุนีสอนให้รักตนเป็นแสงสว่างในใจ และพบกับความสุขที่แท้จริง
แต่การต่อสู้ยังไม่จบ แต่เป็นความลับที่เทพเจ้าไม่รู้ ฮาจุน จอมมารแห่งสวรรค์ชั้นหก ผู้ที่ได้ชื่อว่าอสูรร้ายทำลายโลกก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงเพื่อส่งพลังให้การต่อสู้มีพลังมากขึ้น และความแข็งแกร่งในการต่อสู้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ในช่วงนี้เรียกได้ว่าถึงจุดสูงสุด เพราะพลังทำลายล้างสูงมาก ด้วยฤทธิ์เดชมาเป็นอันมาก. และอิ่มเร็วกว่า
ในเวลานี้ฮาเดสปรากฏตัวขึ้น พร้อมไขข้อสงสัยต่างๆและค้นหาความลับของฮาจุนและคนที่อยู่เบื้องหลังเบลเซบูโลในความคิดของฉันเอง 2 แอคชั่นสุดท้ายที่เรารอคอยมาแสนนาน และเขาเก่งมาก ไม่ใช่แค่แอคชั่นหรือเอฟเฟ็กต์เท่านั้น แต่การออกแบบอาวุธก็ดีด้วย ความรู้สึกและเสียงเป็นสิ่งที่ดี การต่อสู้ที่แข็งแกร่งนั้นสมบูรณ์แบบ และอีกคู่หนึ่งที่จะให้ข้อคิดในการรักตัวเอง และสนุกไปกับมันด้วย เตรียมส่งท้ายความมันส์กันได้เลย ต้องรอติดตามกันในไฟต์หน้า ทั้งคู่ขึ้นสังเวียนแห่งฮาเดสและจิ๋นซีฮ่องเต้ ส่วนอีกคู่ก็ดูคล้ายกัน
ความยาว 12 ตอน ตอนละประมาณ 25 นาที สรุป
รีวิวอนิเมะ Record of Ragnarok วาระสำหรับการกำจัดมนุษยชาติถูกนำเสนอต่อสภาแห่งทวยเทพ แต่ด้วยกลอุบายของวาลคีเรียหนุ่มที่ชื่อ The Human Brunhild ทำให้เขามีโอกาสสุดท้ายที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเขาควรจะมีโอกาสในโลกนี้หรือไม่ การแข่งขันแบบตัวต่อตัวระหว่างตัวแทนทั้ง 13 ของเทพเจ้าและมนุษย์ หรือการต่อสู้ที่เรียกว่า Ragnarok ได้เริ่มขึ้นแล้ว
- ศึกฮีโร่ชลเทพ เป็นอนิเมะที่ดูแล้วไม่ต้องลุ้นกับเนื้อเรื่องหรือจุดเริ่มต้นมากนัก เพียงแค่รู้ว่าใครและใครกำลังต่อสู้ก็เพียงพอที่จะสนุกกับหนังเรื่องนี้
- ตัวละครจะโยนเราเข้าสู่การต่อสู้ในตอนเริ่มต้นและเริ่มการต่อสู้โดยจะอธิบายองค์ประกอบอื่นๆ ในภายหลัง
- ส่วนที่น่าสนใจของเรื่องคือการได้เห็นตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ของผู้คนที่ต่อสู้กับเทพเจ้าที่เราคุ้นเคย
- ซึ่งประวัติของบุคคลนั้นจะมีข้อมูลใหม่ตามความภูมิใจของภาพด้วย 55
- นอกจากนี้ การออกแบบตัวละครหลายๆ ตัวยังแตกต่างจากที่เราคุ้นเคย อันนี้คงต้องเปิดใจหน่อย
- ศึกมหาชลเทพ อนิเมะต่อสู้สุดฮากับเนื้อเรื่องที่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่เพราะฉากสงคราม
- พูดตามตรง มุมมองมากกว่าครึ่งมีความสำคัญต่อเรื่องราว การทดสอบไม่ผ่าน (ด้วยตัวคุณเอง ให้ผ่าน 3 ส่วนสุดท้าย)
- ในช่วงสงคราม เหตุการณ์ในอดีตจะถูกเปลี่ยนเพื่ออธิบายที่มาของบุคคล หรือท่าพิเศษต่าง ๆ ที่ตัดบ่อยเกินไปและถอยหลังยาวเกินไป ทำให้การต่อสู้ไม่สนุก ไม่ราบรื่น
- นอกจากนี้ ก่อนที่จะโจมตีใคร จะมีโครงสร้างที่ดีจากคนอื่น (ไอเดียบ้านไม่ขึ้นด้วย)
- นี่คือสาเหตุที่สงครามใน God’s War ใช้เวลากับคำพูดมากกว่าปัญหาจริงๆ
- มังงะใช้เทคนิคนี้ในฉากต่อสู้จริงๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการทำอนิเมะน่าจะปรับในส่วนนี้ให้ดูสนุกขึ้น
- อีกแง่มุมหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนของอนิเมะก็คือคุณภาพของงานศิลป์ (ส่วนของ Zeus แย่มาก!!)
- ความสวยงามของลายเส้นและการออกแบบภาพของฉากนั้นไม่น่ากลัวเลย
- เพิ่มความตึงเครียดทางสายตาที่เป็นเอกลักษณ์ของมังงะ อนิเมะยังไม่ส่งถึงใจ
- ภาพตอน 1-9 งงมาก แต่ 3 ตอนหลัง (ตอนที่ 10-12) ทีมงานดีขึ้นเรื่อยๆ
- ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าเทคนิคดีขึ้นและใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น
- แต่ถึงแม้ 3 ส่วนสุดท้ายจะดีกว่า ไม่พอบรรทุกอีก 9 ส่วนที่เหลือ. สรุปแล้ว War of the Great Gods นั้นน่าผิดหวังอย่างแน่นอน จะเป็นอย่างไรถ้าซีซั่น 2 ทำได้ดี? อนิเมะเรื่องนี้เป็นมังงะที่น่าดู
สรุป: น่าผิดหวัง ผมดูแล้วบ่นเลย ถ้าไม่ได้ดู3ตอนสุดท้ายคงดีใจ บอกเลยว่าส่งทีมเขียนอนิเมไปแน่ๆ